ซีเรียเตรียมฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชน ตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.นี้ หลังได้รับวัคซีนจาก “ประเทศที่เป็นมิตร” ท่ามกลางกระแสข่าวว่า อิสราเอลซื้อวัคซีนของรัสเซียให้กับซีเรีย เพื่อเป็น “ค่าไถ่” ปล่อยตัวพลเมือง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ว่า นายฮัสซัน กาบาช รมว.สาธารณสุขของซีเรีย กล่าวว่า โครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ภายในประเทศ จะเริ่มในสัปดาห์หน้า ด้วยวัคซีนซึ่งได้รับจาก “ประเทศที่เป็นมิตร” โดยปฏิเสธเปิดเผยชื่อประเทศ ยี่ห้อของวัคซีน และจำนวนที่ได้รับ
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลดามัสกัสหารือกับรัสเซียและจีน เพื่ขอความสนับสนุนในเรื่องนี้ แต่ยังไม่เคยมีการลงนามในข้อตกลงอย่างเป็นทางการ ขณะที่รัฐบาลปักกิ่งเคยประกาศเมื่อต้นเดือนนี้ว่า จะบริจาควัคซีนให้แก่ซีเรีย 150,000 โด๊ส ทว่าจนถึงปัจจุบันยังไม่มีวี่แวว
อย่างไรก็ตาม เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส และสื่ออีกหลายแห่งของอิสราเอล รายงานเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู จ่ายเงิน 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 36.34 ล้านบาท ) ให้กับรัสเซีย เพื่อซื้อวัคซีนสปุตนิก วี หลังจากนั้นซีเรียปล่อยตัวหญิงชาวอิสราเอลคนหนึ่ง ซึ่งข้ามพรมแดนเข้ามาในซีเรียโดยไม่ได้เจตนา และอิสราเอลปล่อยตัวคนเลี้ยงสัตว์ชาวซีเรีย 2 คน ซึ่งข้ามพรมแดนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขณะที่วัคซีนสปุตนิก วี ที่อิสราเอลซื้อนั้น รัฐบาลมอสโกขนส่งทางเรือไปให้ซีเรีย อนึ่ง วัคซีนสปุตนิก วี มีราคาขายโด๊สละไม่ถึง 10 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 302.86 บาท )