กอดกันดีใจ!’อิสราเอล-ฮามาส’ตกลงสงบศึกในฉนวนกาซา

รัฐบาลอิสราเอลและกลุ่มฮามาสประกาศ “การหยุดยิง” ในฉนวนกาซา ตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยอียิปต์ บรรเทาสถานการณ์สู้รบซึ่งยืดเยื้อเกือบ 2 สัปดาห์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 ราย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ว่า ทำเนียบรัฐบาลอิสราเอลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ออกแถลงการณ์ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบเงื่อนไขทั้งหมดตามข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดยอียิปต์ การหยุดยิงมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 02.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันศุกร์ ( 06.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย )
 
ในเวลาเดียวกัน กลุ่มฮามาสซึ่งปกครองฉนวนกาซาตั้งแต่ปี 2550 ออกแถลงการณ์ยืนยันการหยุดยิงเช่นกัน แต่ยังไม่มีฝ่ายใดเปิดเผยรายละเอียด ขณะที่ชาวปาเลสไตน์ทั้งในฉนวนกาซาและเขตเวสต์แบงก์ ตลอดจนในนครเยรูซาเลม พร้อมใจกันออกมาเฉลิมฉลองการเริ่มต้นหยุดยิง แม้ในช่วงชั่วโมงสุดท้ายก่อนมีการประกาศข้อตกลงอย่างเป็นทางการ กองกำลังป้องกันอิสราเอล ( ไอดีเอฟ ) และกลุ่มฮามาสโจมตีข้ามเขตแดนใส่กันอย่างหนักหน่วง “เป็นการส่งท้าย”
 
สำหรับสถานการณ์รุนแรงรอบนี้ปะทุเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อกลุ่มฮามาสระดมยิงจรวดข้ามเขตแดนจากฉนวนกาซา พุ่งเป้าโจมตีเมืองใหญ่หลายแห่งของอิสราเอล โดยเฉพาะกรุงเทลอาวีฟและนครเยรูซาเลม ตอบโต้ความขัดแย้งที่ลุกลามตั้งแต่เข้าสู่เดือนรอมฎอนปีนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ของอิสราเอลปะทะอย่างดุเดือดกับชาวปาเลสไตน์ ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมทางสังคมป้องกันโรคโควิด-19 แล้วสถานการณ์ขยายวงกว้าง เข้าสู่มัสยิดอัล-อักซอ หนึ่งในศาสนสถานเก่าแก่และสำคัญที่สุดของชาวมุสลิม ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า ที่อยู่ทางตะวันออกของนครเยรูซาเลม และยังมีข้อพิพาทยืดเยื้อ กรณีอิสราเอลต้องการขับไล่ชาวปาเลสไตน์จำนวนหนึ่งออกจากเขตชีค จาร์ราห์ ในนครเยรูซาเลมด้วย

ผลจากการสู้รบครั้งนี้ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 232 ราย และได้รับบาดเจ็บเกือบ 2,000 คน ส่วนในอิสราเอลมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย รวมแรงงานไทยอย่างน้อย 2 คน และได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 100 คน นับเป็นความสูญเสียมากที่สุด ตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซา เมื่อปี 2557 ซึ่งอิสราเอลสังหารชาวปาเลสไตน์มากกว่า 2,000 ราย และทหารอิสราเอลเสียชีวิต 67 ราย อีกทั้งยังมีพลเรือนอีก 6 คน หนึ่งในนั้นเป็นแรงงานชาวไทย
 
ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงที่กรุงวอชิงตัน แสดงความเสียใจของสหรัฐไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตทุกคนจากการสู้รบครั้งนี้ และยืนยันว่า รัฐบาลวอชิงตันจะร่วมมืออย่างเต็มที่กับสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) เพื่อการมอบความช่วยเหลือแก่ชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ปิดล้อม อย่างไรก็ตาม ไบเดนยืนยันว่า อิสราเอล “มีความชอบธรรมที่จะป้องกันตัวเอง” และทั้งชาวอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ควรมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความสงบ และความปลอดภัย “อย่างเท่าเทียมกัน”