จับสัญญาณโควิดสายพันธุ์เดลตาระบาดจีน บททดสอบ”ซิโนแวค”และการรับมือของรัฐบาล

หลายเมืองในจีนกลับเข้าสู่ภาวะล็อกดาวน์ครั้งใหญ่อีกรอบ หลังจากพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกเป็นพนักงานทำความสะอาดท่าอากาศยานนานาชาติหนานจิงลู่โข่ว เมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ผ่านไปเกือบ 2 สัปดาห์ พบว่าการแพร่ระบาดไปถึงกรุงปักกิ่ง และอีกอย่างน้อย 6 มณฑล มีผู้ติดเชื้อรวมเกือบ 200 รายแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เมื่อเทียบกับการระบาดในชุมชนที่จีนเคยเจอหลายรอบที่ผ่านมา ซึ่งจำกัดในวงแคบเพียง 1 เมือง หรือไม่กี่พื้นที่ใกล้เคียงแล้ว การระบาดที่เมืองหนานจิง ซึ่งเกิดขึ้นที่สนามบินนานาชาติ เป็นเคสที่มีศักยภาพในการแพร่เชื้อไปไกล ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าครั้งนี้จะลามไปในอีกหลายเมืองทั่วประเทศ
ทางการจีนระบุว่า ครั้งนี้เป็นการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา ที่พบในอินเดีย แต่ยืนยันว่าวัคซีนซิโนแวคที่ใช้อยู่จะยังป้องกันอาการป่วยหนักได้ถึง 87.5%

Best Cities to Enjoy Your Fabulous Single Life _Travel Nfx
Copy video url
Play / Pause
Mute / Unmute
Report a problem
Language
Mox Player
advertisement

จุดเริ่มต้นการแพร่ระบาดรอบใหม่

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา จีนพบผู้ป่วยรายแรกเป็นพนักงานทำความสะอาดของท่าอากาศยานนานาชาติหนานจิงลู่โข่ว ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา นายถิง เจีย รองผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาด เปิดเผยว่า พนักงานรายนี้ติดเชื้อหลังจากไปทำความสะอาดบนห้องโดยสารของเครื่องบินจากรัสเซียที่เดินทางมาถึงสนามบินแห่งนี้เมื่อวันที่ 10 ก.ค.

โดยพบว่ามีผู้โดยสารรายหนึ่งที่มาจากเที่ยวบินนี้ติดเชื้อ จากการตรวจสอบพบว่ามีความเชื่อมโยงกัน และต่อมายังพบว่ามีพนักงานทำความสะอาดของสนามบินติดเชื้อจากเพื่อนร่วมงานรายนี้รวม 9 ราย จากการสอบสวนโรคพบว่า การทำความสะอาด และมาตรการป้องกันโควิดของสนามบินไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และไม่มีการตรวจสอบเข้มงวด เลยทำให้มีการแพร่กระจายของเชื้อ

หลังพบผู้ติดเชื้อได้มีการปิดสนามบินทำความสะอาด ยกเลิกเที่ยวบิน 105 เที่ยวบิน และมีอีก 155 เที่ยวบินต้องดีเลย์ รวมถึงมีการปิดรถไฟที่เชื่อมต่อสนามบินเป็นเวลา 1 วัน เพื่อทำความสะอาดสกัดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา จนถึงตอนนี้ประชากรราว 9.5 ล้านคนในเมืองหนานจิง ได้รับตรวจเชื้อโควิด-19 ทั้งเมืองซ้ำเป็นครั้งที่ 2 แล้ว

สถานการณ์ในจีนล่าสุด

สื่อท้องถิ่นของจีนรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค. สำนักงานสาธารณสุขเมืองหนานจิง เสร็จสิ้นการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาชนกว่า 9 ล้านคน เป็นรอบที่ 3 พบว่ามีผู้ติดเชื้อ 49 ราย คนที่ตรวจผ่านผลออกมาว่าไม่ติดเชื้อจะได้รับการแสตมป์การ์ด เพื่อนำไปใช้ในการกลับเข้าสู่ที่พักอาศัย

เพียง 1 วันก่อนหน้านั้น คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่ 75 ราย เป็นการระบาดในท้องถิ่น 53 ราย และอีก 22 รายมาจากต่างประเทศ ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 93,005 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 4,636 ศพ ขณะที่การแพร่ระบาดไปถึงกรุงปักกิ่ง และอีกอย่างน้อย 6 มณฑล มีผู้ติดเชื้อรวมเกือบ 200 รายแล้ว

จีนประกาศให้มีพื้นที่เสี่ยงสูง 2 เขต และพื้นที่เสี่ยงปานกลาง 63 เขตทั่วประเทศ ในจำนวนนี้อยู่ในหนานจิง 30 เขต หลังพบการแพร่ระบาดสู่ปักกิ่งและอีกเกือบ 20 เมืองในอย่างน้อย 6 มณฑล รวมไปถึงมณฑลใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียงอย่างอันฮุย มณฑลเหลียวหนิง และมณฑลเสฉวน

หลายสถานที่ในเมืองต่างๆ ยกระดับมาตรการควบคุมและป้องกันโควิด สถานที่ท่องเที่ยว ธุรกิจร้านค้า และการบริการคมนาคมต้องปิดให้บริการ รวมไปถึงสนามบินอีก 2 แห่งของมณฑลเจียงซู อย่างสนามบินหยางโจว และสนามบินไถ้โจว ก็ต้องระงับให้บริการแก่ผู้โดยสาร ขณะเดียวกันเมืองต่างๆ อย่างหางโจว เวิ่นโจว และอู่ฮั่น ต่างประกาศเตือนภัยเร่งด่วน แนะนำประชาชนอย่าเดินทางออกนอกพื้นที่

ส่วนที่เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ทางภาคกลางของประเทศ ได้เร่งตรวจโควิดให้ประชาชนทั้งเมือง หลังพบผู้ติดเชื้อ 1 รายไม่แสดงอาการ เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา

บททดสอบวัคซีนจีนรับมือเชื้อกลายพันธุ์

กรณีที่เกิดขึ้นทำให้สังคมออนไลน์ของจีนตั้งคำถามว่า วัคซีนซิโนแวค และซิโนฟาร์ม ของจีนจะมีประสิทธิภาพเพียงพอในการต่อสู้กับสายพันธุ์เดลตาได้หรือไม่ จนถึงตอนนี้จีนฉีดวัคซีนต้านโควิดให้ประชาชนทั่วประเทศแล้วกว่า 1,630 ล้านโดส แม้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าผู้ติดเชื้อรอบนี้ฉีดวัคซีนกันครบแล้วหรือไม่ แต่จีนก็ยืนยันว่าวัคซีนซิโนแวคจะยังสามารถป้องกันการติดเชื้อแล้วเจ็บป่วยรุนแรงได้ถึง 87.5% โดยมีรายงานว่า ในบรรดาผู้ติดเชื้อ 200 ราย มีผู้ที่อาการสาหัส 7 ราย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามีหลายประเทศที่ใช้วัคซีนของจีนเป็นหลัก ต่างออกมาประกาศว่าจะหันไปใช้วัคซีนชนิดอื่นเสริมการป้องกันเชื้อสายพันธุ์ใหม่ด้วย

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญของจีนก็เชื่อมั่นว่า การระบาดครั้งนี้เป็นเพียงช่วงเริ่มแรก และจีนดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้ออย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ ทำให้เชื่อว่าจะสามารถควบคุมได้

ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวที่กำลังจะฟื้นตัว

ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีประชาชนออกเดินทางท่องเที่ยวกว่า 1,870 ล้านทริป ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ถึง 60.9% ขณะที่การแพร่ระบาดรอบใหม่ในเมืองหนานจิงครั้งนี้ได้ส่งผลต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง โดยคาดว่าจะทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัวจากโควิดรอบที่แล้ว หายไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว

โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของจีนสั่งให้สถานที่ท่องเที่ยวจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวให้ลดลง และใช้มาตรการป้องกันโควิดอย่างเข้มงวด โดยขอให้บริษัททัวร์ระงับจัดทัวร์ท่องเที่ยวพื้นที่เสี่ยงสูงและปานกลาง ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขมณฑลกุ้ยโจว ขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งเดินทางท่องเที่ยวนอกเขตพื้นที่

นายซู เสี่ยวเหลย ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทการท่องเที่ยว CYTS Tours Holding Co, เปิดเผยว่า หากไม่เกิดการระบาดรอบใหม่ คาดว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้ถึง 90% โดยการระบาดที่เกิดขึ้นรอบนี้สั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่พากันยกเลิกการเดินทางกะทันหัน

ด้านบริษัททัวร์ในเมืองจางเจียเจี้ยรายหนึ่งเปิดเผยว่า มีคณะทัวร์กว่า 20 คณะ ประกอบด้วยนักท่องเที่ยวกว่า 500 คน ได้แจ้งยกเลิกการเดินทางในเดือน ส.ค.นี้แล้ว หากประเมินความสูญเสียระหว่างเดือน ก.ค. และ ส.ค. รวมกันจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านหยวน (7.6 ล้านบาท).