ตร.สหรัฐฯ สุดเจ๋ง ตามจับสาวทำร้ายคนเชื้อสายเอเชียในนิวยอร์ก 4 ครั้ง

มาริเซีย เบลล์ หญิงสาววัย 25 ปี ถูกตำรวจนิวยอร์กจับกุมได้ เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าทำร้ายชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียถึง 4 คน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเขตเมืองควีนส์ ที่มีชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น

โดยเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2564 ในบริเวณลานจอดรถบนถนนคิสเซนา บูเลอวาร์ด ซึ่งเบลล์ถูกกล่าวหาว่าต่อยชายเอเชียวัย 24 ปี เข้าที่หน้า แล้วได้ถอดแว่นของเขา จากนั้นเบลล์ได้ชิงแว่นวิ่งหนีไป

จากนั้นเหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ร้านขายของชำบนถนนพาร์สันส์ บูเลอวาร์ด โดยเบลล์ถูกกล่าวหาว่าเดินเข้าหาหญิงเอเชียอายุ 34 ปี และถามเธอว่า “คุณมองมาที่ฉันทำไม” และต่อยเธอที่ด้านหลังศีรษะ

เหตุการณ์ที่ 3 สำนักข่าว AP News ระบุว่าเกิดขึ้นที่มุมถนน Parsons Boulevard และ 72nd Avenue เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม เบลล์ถูกกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายหญิงสูงวัย เชื้อสายเอเชีย อายุ 63 ปี ตบหน้าและถอดหน้ากากออก แล้ววิ่งหนีไป

เหตุการณ์ครั้งที่ 4 และครั้งล่าสุดเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรง เกิดขึ้นบนถนน 71st Avenue และ Parsons Boulevard โดยเบลล์ถูกกล่าวหาว่าเธอเดินเข้าหาหญิงชราเชื้อสายเอเชีย อายุ 75 ปี และทุบเข้าที่หลังศีรษะของเธอด้วยค้อน แล้วทิ้งให้เธอบาดเจ็บอยู่ตรงนั้น

จากการก่อเหตุทำร้ายคนเชื้อสายเอเชียทั้ง 4 ครั้ง ทำให้ มาริเซีย เบลล์ ถูกตั้งข้อหาชิงทรัพย์และก่ออาชญากรรมที่สร้างความเกลียดชัง การทำร้ายร่างกายในฐานะอาชญากรรมแห่งความเกลียดชัง และการลักขโมยครั้งใหญ่ในฐานะอาชญากรรมแห่งความเกลียดชัง ตลอดจนการล่วงละเมิดที่รุนแรง และการครอบครองอาวุธทางอาญา โดยตามรายงานของ เมลินดา แคทซ์ อัยการเขตเมืองควีนส์ ระบุว่าเบลล์จะต้องโทษจำคุกสูงสุด 25 ปี หากถูกตัดสินว่ามีความผิด

“การเหยียดเชื้อชาติเป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรม และไม่อาจยอมรับได้ การกระทำต่ออคติถือเป็นอาชญากรรม จำเลยรายนี้ต้องตอบข้อกล่าวหาว่าทำร้ายเหยื่อ 4 รายที่แตกต่างกัน ซึ่งก็คือคนเชื้อสายเอเชียทั้งหมด ในระหว่างการแสดงความโกรธอย่างฉับพลันในควีนส์เคาน์ตี้” เมลินดา แคทซ์ กล่าวในแถลงการณ์.

ขณะนี้ เบลล์ได้ถูกสั่งกักขังโดยไม่มีการประกันตัว โดยเธอรับสารภาพยืนยันว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ในภาพของกล้องวงจรปิดที่เฝ้าระวังในที่เกิดเหตุทั้ง 3 แห่ง และเบลล์ต้องไปขึ้นศาลในวันที่ 16 ส.ค. นี้.