สหรัฐกลับเข้าเป็นสมาชิกความตกลงปารีส

สหประชาชาติรับสหรัฐกลับเข้าเป็นสมาชิกความตกลงปารีส ในยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังเคยถอนตัวออกไปในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงเมื่อวันศุกร์ ว่าสืบเนื่องจากที่เขาลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เมื่อวันที่ 20 ม.ค. หรือนับตั้งแต่วันแรกของการรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 30 วัน ในการนำสหรัฐกลับเข้าเป็นภาคีของความตกลงปารีสนั้น

บัดนี้ การดำเนินการรัฐบาลวอชิงตันได้รับการอนุมัติจากสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) แล้ว หมายความว่า สหรัฐได้กลับเข้าเป็นสมาชิกอีกครั้งอย่างเป็นทางการ โดยความตกลงปารีส ฉบับปี 2558 เป็นข้อตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ( ยูเอ็นเอฟซีซีซี ) ว่าด้วยการควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอน เพื่อรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลวอชิงตันในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นำสหรัฐถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของความตกลงปารีส ซึ่งมีผลเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ปีที่แล้ว นับเป็นประเทศแรกของโลก ที่ลาออกจากการเป็นสมาชิกความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ โดยให้เหตุผลว่า การลงนามดังกล่าว ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา เป็นข้อตกลงที่ “เลวร้าย” และมีแต่สร้าง “หายนะ” ให้กับเศรษฐกิจของอเมริกา    
 
อนึ่ง ไบเดนกล่าวถึงเป้าหมายของการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนของสหรัฐ ว่าอาจมีการยกระดับจากสมัยของโอบามา ซึ่งเคยกำหนดไว้ว่า จะลดอัตราการปล่อยก๊าซพิษให้ได้ระหว่าง 26% ถึง 28% เมื่อเทียบกับปี 2548 ให้ได้ภายในปี 2568